คำถามเกี่ยวกับยา
โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
เรื่อง : โดพามีน (Dopamine)
- เพิ่มปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ใช้รักษาภาวะความดันโลหิตต่ำเนื่องจากภาวะช็อกอันมีสาเหตุจาก หัวใจหยุดเต้น มีบาดแผลสาหัส ภาวะติดเชื้อในกระแส การผ่าตัด ภาวะหัวใจล้มเหลว ภาวะไตวาย
- คลื่นไส้อาเจียน
- หัวใจเต้นเร็ว หรือ หัวใจเต้นช้า
- ชีพจรเต้นผิดปกติ
- เจ็บหน้าอก
- ความดันโลหิตต่ำ หรือ ความดันโลหิตสูง
- ปวดหัว
- หายใจลำบาก
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะ และภาวะหัวใจห้องล่างเต้นแผ่วระรัว
- ระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีภาวะอุดตันของหลอดเลือดแดงในบริเวณแขนขา และผู้ป่วยด้วยโรคหลอดเลือดแดงแข็ง
- ระวังการใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะขาดน้ำและมีปริมาตรของเลือดน้อย
- ระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคเรเนาด์ ( Raynaud’s disease) ซึ่งเป็นภาวะผิดปกติของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงนิ้วมือนิ้วเท้าหดตัวอย่างมาก
- ระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคเบเซ็ท (Behcet’s syndrome) ซึ่งเป็นภาวะอักเสบของหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำ
- ระวังการใช้ยานี้ในผู้ป่วยหลอดเลือดแดงอักเสบ/โรคหลอดเลือดอักเสบ อันมีสาเหตุจากโรคเบาหวาน (Diabetic endarteritis)
- ระวังการใช้ยานี้กับหญิงมีครรภ์
- การใช้ยาโดพามีน ร่วมกับยาสลบที่มีสารไฮโดรคาร์บอน (Hydrocarbon) เป็นส่วนประกอบสำคัญ เช่นยา Cyclopropane อาจก่อให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจทำงานผิดปกติ โดยมีอาการของหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- การใช้ยาโดพามีน ร่วมกับยากันชักยาต้านชัก เช่นยา Phenytoin สามารถทำให้ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นช้าลง มีอาการปวดหัว และวิงเวียนร่วมด้วย จึงควรต้องแจ้งแพทย์ พยาบาล เภสัชกร ให้ทราบว่า ผู้ป่วยเคยได้รับยาอะไรมาก่อนที่จะใช้ยาโดพามีน
- การใช้ยาโดพามีน ร่วมกับยาต้านซึมเศร้า เช่นยา Amitriptyline ผู้ป่วยต้องได้รับการควบคุมและตรวจสอบความดันโลหิตอย่างใกล้ชิด หากมีความจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน แพทย์จะเป็นผู้ปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมต่อสภาพร่างกายของผู้ป่วย
- การใช้ยาโดพามีนสามารถรบกวนและก่อความคลาดเคลื่อนต่อผลการตรวจปริมาณฮอร์โมนบางตัวในเลือด เพราะยาโดพามีนจะไปกดการหลั่งฮอร์โมนดังกล่าว เช่น Thyroid hormone, Growth hormone, และ Prolactin hormone (ฮอร์โมนเกี่ยวกับการหลั่งน้ำนม)